pain is temporary
is a series of artworks drawn from personal memories and journals over the past four years. The works confront loss, emotional trauma, and the lasting impact of past hardships, including the death of loved ones, violence, abuse, and poverty. They explore the human psyche, the concealment of the true self, and the creation of “hidden selves” as a response to social and cultural pressures.
The series reflects the imperfection of mind and body, showing how physical wounds may heal while emotional scars remain deeply rooted in memory. Inspired by the artist’s experience growing up in a working class family, the works respond to the shaping forces of society and culture, expressing individuality, resilience, and human complexity.
Combining traditional and contemporary Asian art Korean Minhwa, modern Chinese painting and Thai folk textile techniques such as batik and tie-dye, the series employs acrylics, clear PVA glue, and alum to build layered textures. Through color, material, and form, the works convey human diversity, vulnerability, and the enduring strength of the human spirit.
When we choose to unearth something that has long been rooted and deeply embedded in our psyche, bringing it forth to confront it once more even if it takes an extended period to finally bury it alongside ourselves it demands the full measure of our physical and emotional strength. Time may pass, leaving scars and exhaustion that can make us falter, unable to dig deep enough to bury what feels like a dark shadow consuming the essence of our being.
I hope this series of works is worth reopening these wounds, allowing for reflection and contemplation of the life we have lived. Have we ever questioned who is truly at fault, or who set in motion the events that left the rope suspended from the beam? The beam we have observed since birth the one that has supported the roof, shielded us from the summer sun, and protected us from the rainhow is it that, at eighteen and beyond, we can no longer look upon it without pain? It haunts like an unending nightmare.
At this moment, I find myself gazing at the beam again, no matter how shattered my heart may feel, no matter how blurred my eyes are from tears streaming down my face. I continue to look, in an attempt to bury the questions and memories that once shook me so profoundly I could not face the truth: how much time has truly passed, and to what extent has the pain been alleviated?
" Someone who passed away is missing you” 2568
ผลงานชุด Pain is temporary เกิดขึ้นจากการตั้งคำถามต่อการเผชิญหน้าเข้ากับความสูญเสียในแต่ละช่วงวัยมักมีสิ่งใดหล่นหายไปตามกาลเวลา แต่หากต้องสูญเสีย " มนุษย์ " มิใช่สิ่งของ เสมือนถูกพรากเอาบางส่วนในจิตใจจมหายไปตลอดกาลทั้งจากพ่อแม่ พี่น้อง หรือแม้แต่เพื่อนในวัยเด็กพร้อมที่จะพัดพาเอาความโศกเศร้านำพาความสุขสดใสของวัยเยาว์จากไปเช่นกัน ผู้สร้างสรรค์ขออุทิศส่วนหนึ่งในจิตใจให้ผู้ล่วงลับ เป็นพื้นที่ส่งสารถึงตัวเองในอีก 5 ปี หรือ 10 ปีข้างหน้า ต่อจากนี้กับทุกช่วงชีวิตยามเปลี่ยนผ่าน แบ่งปันช่วงเวลาให้กับผู้ชมร่วมสัมผัสประสบการณ์ที่เปรียบเสมือนการลอยอังคารครั้งสุดท้ายให้กับสายน้ำที่หลั่งไหลยามสูญเสีย
“กลิ่นอายของความผิดหวังขอให้จางหายไปกับสายฝน” 2566
งานศิลปะชุดนี้เกิดขึ้นจากความทรงจำในอดีตโดยอิงจากบางส่วนของสมุดบันทึกของผู้สร้างสรรค์ตลอดช่วงระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา การตั้งคำถามกับการสูญเสียหากคนใกล้ชิดเราจากไปด้วยการฆ่าตัวตายสิ่งหนึ่งที่จะอยู่กับเราไปตลอดคือการตั้งคำถามกับตัวเองถึงความผิดพลาดของการกระทำที่ผ่านมาเป็นการเผชิญหน้ากับสภาวะจิตที่พยายามหลีกหนีความปรารถนาอันไม่สัมฤทธิผล ก่อเกิดการกักเก็บตัวตนที่แท้จริงของมนุษย์สร้างกายแฝงที่มาในรูปแบบตัวตนอื่นยามเผชิญหน้าเข้ารับสังคมเลี่ยงการถูกกีดกันทางชนชั้น รูปลักษณ์ เพศ สีผิว หรือแม้แต่ถิ่นกำเนิด ความไม่สมบูรณ์แบบจิตคือรากเหง้าของความเป็นมนุษย์ร่างกายคือที่ซึ่งถูกกระทำโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจจนเกิดบาดแผลกายเนื้อที่บอบช้ำ ร่องรอยการปริแตกฉีกขาดของผิวหนังบนเรือนร่างถึงกระนั้นร่างกายก็ยังมีกระบวนการที่จะสามารถรักษาบาดแผล และประสานผิวหนังให้กลับคืนดั่งเดิมแม้จะไม่สมบูรณ์แบบแต่ความเจ็บปวดจะมลายหายไปตามกาลเวลาเราจะไม่รู้สึกถึงความเจ็บยามสัมผัสแตกต่างจากกับบาดแผลทางใจที่ความรู้สึกนั้นจะบดละเอียดฝังรากลึกในความทรงจำ แทรกซึมเสมือนรากไม้ที่ไม่อาจขจัดทิ้งไม่ว่าเมื่อใดอาจล้นทะลัก และพรั่งพรูออกมาสร้างความทุกข์ทรมานส่งผลต่อการแสดงออกทางกาย ไม่สามารถเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านั้นได้อีกมักเกิดขึ้นจากประสบการณ์ด้านลบ
เรียกว่า “ traumatic event ” จากเหตุการณ์ในอดีตส่งผลถึงสภาพจิตใจในปัจจุบันและอนาคต เช่นความรุนแรงในครอบครัว การสูญเสีย ถูกล่วงละเมิดทางเพศ วัยเด็กที่ถูกปล่อยปะละเลยไร้ที่พึ่งพิง แม้แต่ความยากจนที่อาจทำให้ถูกกลั่นแกล้ง ดิ้นรนเอาตัวรอดในแต่ละวันปมด้อยที่สังคมเป็นผู้ตัดสินเราอาจหลบหนีจากสั่งเหล่านั้นได้ผ่านการกดทับตัวตนเดิม เมื่อเวลาผ่านไปเป็นเพียงการโป้ปด หลอกลวงที่เราสร้างขึ้นให้ตนเองเท่านั้นเราจะยังไม่สามารถเผชิญหน้ารับกับความจริง เหตุการณ์ ผู้คน หรือไม่แม้แต่จะสามารถพูดถึงได้ การทำงานศิลปะชุด pain is temporary คือการปล่อยให้จิตเผชิญหน้ากับความจริงเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดลงเป็นชั่วคราวผ่านการมองย้อนกลับถึงชีวิตที่เราดิ้นรนอย่างโดดเดี่ยวบาดแผลจากความยากลำบากของการเกิดเป็นหญิงสาวผู้ซึ่งเติบโตในครอบครัวชนชั้นกรรมาชีพ เมื่อบิดาผู้ประกอบอาชีพกรรมกรตายจากไร้ซึ่งคำบอกลาเผชิญหน้าความยากจนข้นแค้นของชีวิต เดิมที่เก็บซ่อนไว้ไม่อาจปกปิดจากการถูกหล่อหลอมของสังคมบริบทวัฒนธรรมรอบข้างนำพามาซึ่งความเป็นปัจเจก แสดงออกผ่านความแตกต่างและหลากหลายของชีวิตมนุษย์
ศึกษาการทำงานศิลปะร่วมสมัยในเอเชียเสนอเนื้อหาสะท้อนความไม่เท่าเทียมอันเป็นบ่อเกิดของปัญหาครอบครัวผสมผสานกับวิธีการทำงานศิลปะแบบดั้งเดิมแสดงตัวตนออกมาอย่างอิสระผ่านประสบการณ์ชีวิตอันเป็นผลผลิตของสังคมบอกเล่าเรื่องราวผ่านวัฒนธรรมที่มีร่วมกันในเอเชีย นำสร้างสรรค์ผลงานศิลปะแบบพื้นบ้านของประเทศเกาหลีใต้เรียกว่า Minhwa (มินฮวา) เกิดขึ้นช่วงต้นศตวรรษที่ 20 หรือปลายสมัยโชซอน ค.ศ. 1392-1910 ได้แรงบันดาลใจจากการแพร่หลายของศิลปะภาพวาดพู่กันของประเทศจีนพัฒนาจนเกิดเอกลักษณ์เฉพาะของตนเองแตกต่างจากการสร้างงานแบบตะวันตกทั้งในการเทคนิคและเนื้อหาสะท้อนความเรียบง่ายของชีวิตประจำวัน และการวาดเพื่อตีความหมายมงคลไม่ใช่เพียงศิลปินเท่านั้นแต่ยังเป็นการวาดที่เข้าถึงทุกวิถีชีวิตพื้นบ้าน รวมถึงการเกิดศิลปะสมัยใหม่ของประเทศจีนในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมของชนชั้นกรรมาชีพครั้งใหญ่ของประเทศเกิดความสูญเสียและการแตกแยกเป็นจุดกระตุ้นให้วงการศิลปะจีน ในขณะเดียวกันนั้นมีการเคลื่อนไหวจากฝั่งรัฐบาลเพื่อใช้งานศิลปินหล่อหลอมคนให้คิดและเชื่อในทางเดียวกันงานจิตรกรรมในขณะนั้นจึงมีโทนสีและบรรยากาศที่คล้ายคลึงกันนั้นคือ“ จิตรกรรมทิวทัศน์แดง ” การเคลื่อนไหวครั้งนี้สร้างแรงบันดาลใจให้กับศิลปินรุ่นใหม่อีกหลายกลุ่มตามมาเช่นศิลปินหัวก้าวหน้า (Avant-grade artists) เชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ทางศิลปะของไทยเองจากการศึกษาประวัติศาสตร์การทำงานจิตรกรรมแบบดั้งเดิมผ่านการทดลองผ่านผ้าทั้งหมด 4 ประเภทได้แก่ ผ้าดิบบาง, ผ้าดิบแบบละเอียด, ผ้าลินิน และผ้าฝ้าย ด้วยการใช้สีอะคริลิค กาวและสารส้มในกระบวนการเตรียมผ้าประยุกต์จากการทำผ้าบาติก ผ้ามัดย้อมของไทยในการใช้สารส้มเพื่อให้สีติดทนในระยะยาว กอปรด้วยอุณหภูมิจากแสงอาทิตย์ที่มีส่วนช่วยให้ผ้าสามารถระบายได้โดยเนื้อสีไม่ซึมออกจากทิศทางที่กำหนด ผู้สร้างสรรค์เลือกใช้กาวประเภท กาวน้ำใสมีส่วนผสมหลักเป็นน้ำและโพลีไวนิล อะซิเตท (Polyvinyl Acetate) มีลักษณะใสเมื่อแห้งแล้วไม่เห็นคราบเหมาะสำหรับผ้าหรือกระดาษ ตัวสารส้มเป็นสารประกอบในอุตสาหกรรมย้อมผ้าทำให้สีติดเส้นใยได้ดี
เมื่อเราตัดสินใจขุดคุ้ยบางอย่างที่ฝังรากลึกแทรกซึมในจิตใจให้ออกมาเผชิญหน้าได้อีกครั้งแม้จะต้องใช้ระยะเวลาเนิ่นนานจึงจะสามารถกลบดินฝังมันลงไปพร้อมกับตัวเองได้นั้นจำเป็นอย่างแท้จริงที่ต้องใช้แรงกายแรงใจลงไปที่สองมือนี้เวลาผ่านไปอาจเต็มไปด้วยบาดแผล ความเหน็ดเหนื่อยอาจทำให้เราย่อท้อจนไม่สามารถขุดหลุมลึกฝังสิ่งที่เปรียบเสมือนเงาดำมืดคอยกัดกินตัวตนจนเว้าแหว่งไม่เหลือชิ้นดี หวังว่าผลงานชุดนี้จะคุ้มค่ากับการเปิดรอยแผลเป็นอีกครั้งเผื่อพินิจพิจารณา และตั้งคำถามกับช่วงชีวิตที่ผ่านมาได้เคยนึกสงสัยแท้จริงแล้วใครกันคือคนผิด ใครกันคือต้นเหตุที่ทำให้เส้นเชือกนั้นถูกแขวนอยู่บนขื่อไม้ เหตุใดกันขื่อที่เราเฝ้ามองตั้งแต่แรกเกิด ขื่อที่คอยปกป้องค้ำยันหลังคาจากแสงอาทิตย์เจิดจ้ายามหน้าร้อน กันรอยน้ำรั่วยามหน้าฝน ให้ตัวเรายามอนธการสามารถหลับใหลจนไม่เคยนึกฝันว่าชีวิตในวัย 18 ปีจนถึงบัดนี้จะไม่สามารถเงยหน้ามองขื่อนี้ได้อีกเลยแม้สักครั้งเดียวเป็นดั่งฝันร้ายไม่จบไม่สิ้น
ณ ขณะนี้ กำลังเงยหน้ามองขื่อไม้อีกครั้งแม้ต้องใจสลายเพียงใด แม้สองตาพร่ามัวด้วยน้ำตาที่กำลังไหลอาบหน้ายังคงจ้องมอง เพื่อกลบฝังคำถามความทรงจำที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาใดก็ตามที่คอยสร้างแรงสั่นสะเทือนจนไม่อาจเผชิญหน้ากับความจริงได้ว่าแท้จริงแล้วเวลานั้นผ่านไปนานเพียงใด และความเจ็บปวดถูกบรรเทาลงไปมากเท่าใด
ศิลปนิพนธ์ชุดนี้ไม่เป็นเพียงการสื่อสารกับผู้อื่นแต่รวมไปถึงตัวผู้สร้างสรรค์เองผ่านแง่มุม ประสบการณ์ในวัยเยาว์เชื่อมโยงกับประเด็นทางสังคม วัฒนธรรม ความเป็นปัจเจก ตัวตนที่เป็นผลผลิตของสังคมในท้ายที่สุดนี้ขอให้ทุกท่านสามารถกระเทาะดินที่ยึดเกาะสองมือออกได้ขุดคุ้ยความทรงจำที่ถึงแม้จะเจ็บปวดไม่ว่าจะต้องขุดต่อไปอีก 5 ปี 10 ปี 30 ปีต่อจากนี้ความเจ็บปวดนั้นจะเบาบางลงทุกครั้งจนสามารถพูดถึงความทรงจำนั้นได้อีกครั้งได้จากใจจริง ไม่จำเป็นต้องบิดเบือนสิ่งใดอีก ฝังกลบลงในส่วนลึกจนวันตายจาก
ในภายภาคหน้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถพัฒนาต่อยอดรูปแบบงานศิลปะที่ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัยจนสามารถพูดสิ่งนั้นออกจากส่วนลึกของหัวใจได้เช่นกัน
pain is temporary
is a series of artworks drawn from personal memories and journals over the past four years. The works confront loss, emotional trauma, and the lasting impact of past hardships, including the death of loved ones, violence, abuse, and poverty. They explore the human psyche, the concealment of the true self, and the creation of “hidden selves” as a response to social and cultural pressures.
The series reflects the imperfection of mind and body, showing how physical wounds may heal while emotional scars remain deeply rooted in memory. Inspired by the artist’s experience growing up in a working class family, the works respond to the shaping forces of society and culture, expressing individuality, resilience, and human complexity.
Combining traditional and contemporary Asian art Korean Minhwa, modern Chinese painting and Thai folk textile techniques such as batik and tie-dye, the series employs acrylics, clear PVA glue, and alum to build layered textures. Through color, material, and form, the works convey human diversity, vulnerability, and the enduring strength of the human spirit.
When we choose to unearth something that has long been rooted and deeply embedded in our psyche, bringing it forth to confront it once more even if it takes an extended period to finally bury it alongside ourselves it demands the full measure of our physical and emotional strength. Time may pass, leaving scars and exhaustion that can make us falter, unable to dig deep enough to bury what feels like a dark shadow consuming the essence of our being.
I hope this series of works is worth reopening these wounds, allowing for reflection and contemplation of the life we have lived. Have we ever questioned who is truly at fault, or who set in motion the events that left the rope suspended from the beam? The beam we have observed since birth the one that has supported the roof, shielded us from the summer sun, and protected us from the rainhow is it that, at eighteen and beyond, we can no longer look upon it without pain? It haunts like an unending nightmare.
At this moment, I find myself gazing at the beam again, no matter how shattered my heart may feel, no matter how blurred my eyes are from tears streaming down my face. I continue to look, in an attempt to bury the questions and memories that once shook me so profoundly I could not face the truth: how much time has truly passed, and to what extent has the pain been alleviated?